วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

บันทึกหน้า 4 / จอบเบิ่ง บันทึกหน้า 4 8 January 2556 -


บันทึกหน้า 4 / จอบเบิ่ง



ไทยโพสต์ “อิสรภาพแห่งความคิด” www.thaipost.net...เริ่มเข้าสู่ปี “งูเล็ก” ให้หายเหนื่อยได้ไม่ทันไร อุณหภูมิทางการเมืองก็กลับมาร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะกับปมเงื่อน “ปราสาทพระวิหาร” ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) เตรียมจะตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505 เกี่ยวกับเรื่องเขตแดนให้ชัดเจน ช่วงกลางปีนี้ ...๐ ขณะที่แนวโน้มมีความเป็นไปได้ที่ประเทศ "ไทย" กำลังจะสูญเสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร โดยรอบปราสาทพระวิหารไปให้แก่ "กัมพูชา" ท่ามกลางกระแสข่าวข่าวลือหึ่งจากแดนไกล เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างพื้นที่เขาพระวิหาร และพื้นที่ผลประโยชน์บริเวณอ่าวไทย โดยทาง “ปึ้ง” สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ ได้กล่าวถึงการเดินทางไปชี้แจงด้วยวาจารอบสุดท้ายต่อองค์คณะศาลโลกช่วงเดือน เม.ย.แบบงงๆ ว่า “มั่นใจว่าโอกาสชนะมีมาก แต่ก็ต้องเผื่อใจไว้ด้วย” พร้อมทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์ตระกูลนายใหญ่ ด้วยการวอนขออย่าให้นำปมปัญหานี้ เพื่อเป็นข้ออ้างในการขับไล่รัฐบาลแม้จะห้ามปรามอย่างไร ก็ดูจะไม่เข้าหูกลุ่มขั้วขัดแย้งของรัฐบาลสักเท่าไหร่ ที่ต่างพากัน “ปัดฝุ่น” เตรียมออกมาแสดงพลังกดดันทันที เริ่มด้วยกลุ่ม “เสื้อเหลือง” พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่เตรียมบุกทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือต่อ “ปูกรรเชียง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และไม่ปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราว รวมถึงไม่กลับเข้าไปเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกอีก …๐ ส่วนกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติ รักษาแผ่นดิน (นทด.) ที่มี "ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์" และ "พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน" ทำหน้าที่เป็นแกนนำ และมี “ซีไอเอสงค์” น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ นั่งหลบฉากเป็นแบ็กอัพอยู่ด้านหลัง ก็เตรียมจะเดินทางไปยื่นฟ้องกระทรวงการต่างประเทศต่อศาลอาญา ในวันจันทร์ที่ 14 ม.ค.นี้ เนื่องจากมีการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จกรณีไทย–กัมพูชาต่อสาธารณชน ก่อนจะนัดชุมนุมใหญ่ในวันจันทร์ที่ 21 ม.ค. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ก่อนจะเดินขบวนไปยังที่ทำการศาลฎีกา เพื่อยื่นรายชื่อประชาชนร่วมแสนที่เห็นด้วย ที่ไม่ยอมรับอำนาจศาลต่อไป …๐ เรียกได้ว่างานนี้คงจะเป็น “ศึกใหญ่” ที่รัฐบาลต้องหากลยุทธ์ต่างๆ มาตั้งรับ ยิ่งการที่คนหน้าเก่าอย่าง “ซีไอเอสงค์” ออกมาวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ช่วงนี้ จะเป็น “ขาลง” ของรัฐบาลที่แสน “สุกงอม” เหลือเกินสำหรับแก๊งเลื่อยขาเก้าอี้รัฐบาล พร้อมแย้มแบบให้คิดต่อทำนองว่า หน้าที่ของทหารอ่านได้ในรัฐธรรมนูญ...ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลและคนแดนไกลจะประมาทไม่ได้อย่างเด็ดขาด ...๐ อีกหนึ่งเรื่องที่ร้อนแรงไม่แพ้ปมเขาพระวิหาร เห็นจะเป็นแนวทางของรัฐบาลในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มพนักงานสอบสวนภาคอีสาน ได้ยื่นเรื่องคัดค้านการจับสลากลงไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่ท้ายที่สุดก็จบลงที่มีผู้สมัครใจกันล้นโควตาจนน่าชื่นชม โดยเหลือโควตาให้เสี่ยงโชคจับสลากเพียงแค่ 3 รายเท่านั้น ในพื้นที่ บช.ภ.8 แต่ก็มีข่าวลือแว่วมาว่า งานนี้หลังจากที่ “บิ๊กอู๋” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ออกอาการ “ปรี๊ดแตก” ส่งผลให้แต่ละกองบัญชาการ ต้องใช้กลยุทธ์ “ลงขัน” กองทุนสนับสนุนพนักงานสอบสวนบางรายให้เซ็นชื่อสมัครใจลงไปปฏิบัติหน้าที่ดับไฟใต้ซะงั้น ...๐ ขณะเดียวกันเมื่อวันจันทร์ที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ทาง “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) เดินทางไปยังศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ เข้าพบจุฬาราชมนตรี เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ไขสถานการณ์ ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ของ ร.ต.อ.เฉลิม ได้มีการบันทึกเทปโทรทัศน์เป็นภาษายาวีเกี่ยวกับแนวคิดและการแก้ปัญหาความไม่สงบของรัฐบาล ที่จะออกอากาศทาง ช่อง ศอ.บต. เพื่อหวังทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือว่าอยู่ในระดับน่าสนใจ แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่า ประชาชนในพื้นที่ที่ “อาเหลิม” คาดหวัง จะมาจดจ่อดูบันทึกเทปดังกล่าวหรือไม่ ฉะนั้นก็ได้แต่หวังว่า “ใครบางคน” จะลงศึกษาปัญหาในพื้นที่ด้วย “ตาตัวเอง” อย่างจริงจังเสียที ..๐ นอกจากนี้ “ดร.เหลิม” ยังเปิดเผยถึงการเดินทางไปประเทศมาเลเซีย ในช่วงวันที่ 8–10 ม.ค.นี้ โดยมีหัวข้อหลักในการเจรจา คือ เรื่องใบรับรองเข้าไปทำงานที่มาเลเซีย สำหรับประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อหวังใช้กลยุทธ์ “สร้างงาน” ลดกลุ่มที่ถูกชักจูงให้ร่วมขบวนก่อเหตุรุนแรง ก็หวังว่ากลยุทธ์ของรองนายกฯ จะประสบผลสำเร็จได้ดั่งใจหมาย โดยเฉพาะการแก้ปัญหาน้ำมันเถื่อน ซึ่งครั้งหนึ่งเจ้าตัวเคยฟันธงว่าเป็นปัจจัยเงินทุนของกลุ่มก่อความไม่สงบ ถึงขั้นต้องส่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่าง“ดวง อยู่บำรุง” ที่เพิ่งจะโอนจากเครื่องแบบทหารมาใส่ยูนิฟอร์มสีกากีด้วยยศ “ร.ต.ท.” ไปนั่งเก้าอี้รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการส่วนกลาง ศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ปนม.ตร.) ทันที งานนี้ฟันธงว่า “อิ่มแปล้” แน่นอน (อิอิ)…๐

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น